วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553

ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมมีทั้งสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตเกิดจากการกระทำของมนุษย์หรือมีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น อากาศ ดิน หิน แร่ธาตุ น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง ทะเลสาบ ทะเล มหาสมุทร พืชพรรณสัตว์ต่าง ๆ ภาชนะเครื่องใช้ต่าง ๆ ฯลฯ สิ่งแวดล้อมดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะมนุษย์เป็นตัวการสำคัญยิ่งที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงทั้งในทางเสริมสร้างและทำลาย
จะเห็นว่า ความหมายของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ต่างกันที่สิ่งแวดล้อมนั้นรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฎอยู่รอบตัวเรา ส่วนทรัพยากรธรรมชาติเน้นสิ่งที่อำนวยประโยชน์แก่มนุษย์มากกว่าสิ่งอื่น
ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ก. ทรัพยากรธรรมชาติ แบ่งตามลักษณะที่นำมาใช้ได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. ทรัพยากรธรรมชาติประเภทใช้แล้วไม่หมดสิ้น ได้แก่
1) ประเภทที่คงอยู่ตามสภาพเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย เช่น พลังงาน จากดวงอาทิตย์ ลม อากาศ ฝุ่น ใช้เท่าไรก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่รู้จักหมด
2) ประเภทที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากถูกใช้ในทางที่ผิด เช่น ที่ดิน น้ำ ลักษณะภูมิประเทศ ฯลฯ ถ้าใช้ไม่เป็นจะก่อให้เกิดปัญหาตามมา ได้แก่ การปลูกพืชชนิดเดียวกันซ้ำ ๆ ซาก ๆ ในที่เดิม ย่อมทำให้ดินเสื่อมคุณภาพ ได้ผลผลิตน้อยลงถ้าต้องการให้ดินมีคุณภาพดีต้องใส่ปุ๋ยหรือปลูกพืชสลับและหมุนเวียน
2. ทรัพยากรธรรมชาติประเภทใช้แล้วหมดสิ้นไป ได้แก่
1) ประเภทที่ใช้แล้วหมดไป แต่สามารถรักษาให้คงสภาพเดิมไว้ได้ เช่น ป่าไม้ สัตว์ป่า ประชากรโลก ความอุดมสมบูรณ์ของดิน น้ำเสียจากโรงงาน น้ำในดิน ปลาบางชนิด ทัศนียภาพอันงดงาม ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้เกิดขึ้นใหม่ได้
2) ประเภทที่ไม่อาจทำให้มีใหม่ได้ เช่น คุณสมบัติธรรมชาติของดิน พร สวรรค์ของมนุษย์ สติปัญญา เผ่าพันธุ์ของมนุษย์ชาติ ไม้พุ่ม ต้นไม้ใหญ่ ดอกไม้ป่า สัตว์บก สัตว์น้ำ ฯลฯ
3) ประเภทที่ไม่อาจรักษาไว้ได้ เมื่อใช้แล้วหมดไป แต่ยังสามารถนำมายุบให้ กลับเป็นวัตถุเช่นเดิม แล้วนำกลับมาประดิษฐ์ขึ้นใหม่ เช่น โลหะต่าง ๆ สังกะสี ทองแดง เงิน ทองคำ ฯลฯ
4) ประเภทที่ใช้แล้วหมดสิ้นไปนำกลับมาใช้อีกไม่ได้ เช่น ถ่านหิน น้ำมันก๊าซ อโลหะส่วนใหญ่ ฯลฯ ถูกนำมาใช้เพียงครั้งเดียวก็เผาไหม้หมดไป ไม่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้
ทรัพยากรธรรมชาติหลักที่สำคัญของโลก และของประเทศไทยได้แก่ ดิน ป่าไม้ สัตว์ป่า น้ำ แร่ธาตุ และประชากร (มนุษย์)
ข. สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมของมนุษย์ที่อยู่รอบ ๆ ตัว ทั้งสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ซึ่งเกิดจาก การกระทำของมนุษย์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ
2. สิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรม หรือสิ่งแวดล้อมประดิษฐ์ หรือมนุษย์เสริมสร้างกำหนดขึ้น
สิ่งแวดล้อมธรรมชาติ จำแนกได้ 2 ชนิด คือ
1) สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ได้แก่ อากาศ ดิน ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะ ภูมิอากาศ ทัศนียภาพต่าง ๆ ภูเขา ห้วย หนอง คลอง บึง ทะเลสาบ ทะเล มหาสมุทรและทรัพยากรธรรมชาติทุกชนิด
2) สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพหรือชีวภูมิศาสตร์ ได้แก่ พืชพันธุ์ธรรมชาติต่าง ๆ สัตว์ป่า ป่าไม้ สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่อยู่รอบตัวเราและมวลมนุษย์
สิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรม หรือสิ่งแวดล้อมประดิษฐ์ หรือมนุษย์เสริมสร้างขึ้น ได้แก่ สิ่งแวดล้อมทางสังคมที่มนุษย์เสริมสร้างขึ้นโดยใช้กลวิธีสมัยใหม่ ตามความเหมาะสมของสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ศาสนา และวัฒนธรรม เช่น เครื่องจักร เครื่องยนต์ รถยนต์ พัดลม โทรทัศน์ วิทยุ ฝนเทียม เขื่อน บ้านเรือน โบราณสถาน โบราณวัตถุท อื่น ๆ ได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ค่านิยม และสุขภาพอนามัย
สิ่งแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งเกิดจากสาเหตุ 2 ประการ คือ
1) มนุษย์
2) ธรรมชาติแวดล้อม มนุษย์ เป็นตัวการเปลี่ยนแปลงสังคมเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง มากกว่าสิ่ง อื่น เช่น ชอบจับปลาในฤดูวางไข่ ใช้เครื่องมือถี่เกินไปทำให้ปลาเล็ก ๆ ติดมาด้วย ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เพื่อนำมาสร้างที่อยู่อาศัย ส่งเป็นสินค้า หรือเพื่อใช้พื้นที่เพาะปลูกปล่อยของเสียจากโรงงานและไอเสียจากรถยนต์ทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ (น้ำเน่า อากาศเสีย)
ธรรมชาติแวดล้อม ส่วนใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ เช่น แม่น้ำที่พัดพาตะกอนไปทับถมบริเวณน้ำท่วม และปากแม่น้ำต้องใช้เวลานานจึงจะมีตะกอนมาก การกัดเซาะพังทลายของดินก็เช่นเดียวกัน ส่วนการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั้นเกิดจากแรงภายในโลก เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด อื่น ๆ ได้แก่ อุทกภัยและวาตภัย ไฟป่า เป็นต้น ซึ่งภัยธรรมชาติดังกล่าวจะไม่เกิดบ่อยครั้งนัก
สรุป มนุษย์เป็นตัวการสร้าง และทำลายสิ่งแวดล้อมมากกว่าธรรมชาติ ความสำคัญของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
สหรัฐอเมริกา ได้ส่งดาวเทียมสำรวจทรัพยากรโลก (Earth Resources Technology Satellite หรือ ERTS) ดวงแรกของโลกเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ดาวเทียมนี้จะโคจรรอบโลกจากขั้วโลกเหนือไปทางขั้วโลกใต้รวม 14 รอบต่อวันและจะโคจรกลับมาจุดเดิมอีกทุก ๆ 18 วัน ข้อมูลที่ได้จากดาวเทียมจะมีทั้งรูปภาพและเทปสมองกลบันทึกไว้ ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติของโลก ส่วนประเทศไทยก็ได้รับข้อมูล และภาพที่เป็นประโยชน์ในด้านการเกษตร การสำรวจทางธรณีวิทยา ป่าไม้ การชลประทาน การประมง หลังจากที่สหรัฐส่งดาวเทียมดวงแรกได้ 1 ปีแล้ว ได้ส่งสกายแล็บ และดาวเทียมตามโครงการดังกล่าวอีก 2 ดวง ในปี พ.ศ. 2520 และ พ.ศ. 2522 นับว่ามีส่วนช่วยส่งเสริมพัฒนาความรู้ในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและการวางโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทุกชนิดบนพื้นโลก
ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ ป่าไม้ สัตว์ป่าและปลา น้ำ ดิน อากาศ แร่ธาตุ มนุษย์และทุ่งหญ้า
ประวัติโรงเรียนอาเวมารีอา
โรงเรียนอาเวมารีอา เป็นโรงเรียนคาทอลิกสังกัดคณะซิสเตอร์รักกางเขนอุบลราชธานี บริหารงานโดยซิสเตอร์รักกางเขนแห่งอุบลราชธานี ตั้งอยู่เลขที่ 512 ถนนพรหมราช ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี จัดเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ทั้งหมด 5 ไร่ 3 งาน ท่ามกลางชุมชนเมือง สะดวกในการสัญจรไปมา ปัจจุบันเปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในระหว่างปี พ.ศ. 2426 บาทหลวงกองสตังต์ ยัง บัปติสโปรโดม และบาทหลวงฟรังซิส มารี ซาเวียร์ เกโก ผู้เผยแพร่ ่ศาสนาคริสต์ ในเขตภาคอีสานและประเทศลาว ได้เข้าพบท่านข้าหลวงประจำจังหวัดอุบลราชธานีขออนุญาตให้ใช้สถานที่ส่วนหนึ่งในบริเวณจวนข้าหลวงเป็นที่พักและที่ทำการ ต่อมาเห็นว่าที่เดิมไม่สะดวกนัก ท่านข้าหลวงจึงได้พระราชทานที่ดินบริเวณบุ่งกาแซวให้ เพื่อสร้างเป็นบ้านพักเด็กกำพร้าและเป็นที่สอนหนังสือให้เด็กกำพร้าประมาณ20 คนให้อ่านออกเขียนได้ต่อมาปี พ.ศ. 2488 ฯพณฯ เกลาดิอุสบาเยมุขนายกมิสซังอุบลราชธานีได้ประชุมคณะที่ปรึกษาของมิสซังเพื่อวางนโยบายเกี่ยวกับการดำเนินงานมิสซังคณะที่ประชุมจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าควรเปิดโรงเรียนสักแห่งเพื่อสอนหนังสือและอบรมกุลบุตรกุลธิดาให้เขาพัฒนา เจริญก้าวหน้า คือจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งโรงเรียนอาเวมารีอามีส่วนสำคัญในการจัดตั้งโรงเรียน คือ บาทหลวงศรีนวล ศรีวรกุล ผู้ช่วยผู้ปกครองมิสซังและที่ปรึกษาที่ 1 และซิสเตอร์เทแรซ ฟรังซัวส์ วิเชียร วงศ์พิมพ์ ซึ่งเป็นภคิณีคณะรักกางเขนแห่งอุบลฯซึ่งขณะนั้นเป็นผู้รับผิดชอบงานด้านการศึกษาของคณะได้เป็นผู้ดำเนินการด้านเอกสารเพื่อขอจัดตั้งโรงเรียน ในที่สุด โรงเรียนอาเวมารีอาได้รับอนุญาตอย่าง เป็นทางการเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2490 โดยมีบาทหลวงคำจวน ศรีวรกุลเป็นเจ้าของและผู้จัดการ ซิสเตอร์แทแรซ ฟรังซัวส์วิเชียร วงศ์พิมพ์ เป็นครูใหญ่วันที่ 30 พฤษภาคม 2492 ได้รับอนุญาตให้เปิดสอนชั้นมูลถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน 165 คน วันที่ 20 มกราคม 2496 บาทหลวงคำจวน ศรีวรกุล ย้ายไปประจำที่มิสซังท่าแร่ จังหวัดสกลนคร ซิสเตอร์เทแรซ ฟรังซัวส์ วิเชียรวงศ์พิมพ์ ได้รับตำแหน่งผุ้จัดการและครูใหญ่ โดยมีซิสเตอร์โซลังย์ อักษรไข่ เป็นเจ้าของโรงเรียน พ.ศ. 2502 โรงเรียนได้ขอเปิดชั้นเรียนมัธยมศึกษา 4-5 แผนกศิลป์จนถึงพ.ศ.2524จึงได้ยุบชั้นเรียนเปิดสอนเพียงชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 พ.ศ. 2503 ได้รับการรับรองวิทยฐานะเทียบเท่าโรงเรียนรัฐบาลจากกระทรวงศึกษาธิการวันที่ 27 มิถุนายน 2511 ซิสเตอร์เทแรซ ฟรังซัวส์ วิเชียร วงศ์พิมพ์ ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการและครูใหญ่ ซิสเตอร์ฟีโลแมนน์ ประเทือง ภาษี ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการและครูใหญ่แทน วันที่ 31 มีนาคม 2516 ซิสเตอร์ประเทือง ภาษี ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการและครูใหญ่เบเนดิกตาสุดใจ ศรีสมบุญ รับตำแหน่งผู้จัดการ ซิสเตอร์ลูเซียนประเสริฐ ว่องไว รับตำแหน่งครูใหญ่แทน เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2516 วันที่ 20 มกราคม 2496 บาทหลวงคำจวน ศรีวรกุล ย้ายไปประจำที่มิสซังท่าแร่ จังหวัดสกลนคร ซิสเตอร์เทแรซ ฟรังซัวส์ วิเชียรวงศ์พิมพ์ ได้รับตำแหน่งผุ้จัดการและครูใหญ่ โดยมีซิสเตอร์โซลังย์ อักษรไข่ เป็นเจ้าขอโรงเรียนพ.ศ. 2502 โรงเรียนได้ขอเปิดชั้นเรียนมัธยมศึกษา 4-5 แผนกศิลป์จนถึงพ.ศ.2524จึงได้ยุบชั้นเรียนเปิดสอนเพียงชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 พ.ศ. 2503 ได้รับการรับรองวิทยฐานะเทียบเท่าโรงเรียนรัฐบาลจากกระทรวงศึกษาธิการวันที่ 27 มิถุนายน 2511 ซิสเตอร์เทแรซ ฟรังซัวส์ วิเชียร วงศ์พิมพ์ ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการและครูใหญ่ ซิสเตอร์ฟีโลแมนน์ ประเทือง ภาษี ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการและครูใหญ่แทนวัน 31 มีนาคม 2516 ซิสเตอร์ประเทือง ภาษี ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการและครูใหญ่เบเนดิกตาสุดใจ ศรีสมบุญ รับตำแหน่งผู้จัดการ ซิสเตอร์ลูเซียนประเสริฐ ว่องไว รับตำแหน่งครูใหญ่แทน เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2516พ.ศ. 2518 ซิสเตอร์สุดใจ ศรีสมบุญ ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการ ซิสเตอร์เฟลีเซีย บุญล้อม ปั้นทอง รับตำแหน่ง ผู้จัดการแทน พ.ศ. 2522 ซิสเตอร์ลูเซียน ประเสริฐ ว่องไว ลาออกจากตำแหน่งครูใหญ่ ซิสเตอร์เฮลานาบุญทัน อินทนงค์ รับหน้าที่ครูใหญ่แทนพ.ศ. 2523 ซิสเตอร์บุญล้อม ปั้นทอง ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการ ซิสเตอร์บุญทัน อินทนงค์ดำรงตำแหน่งผู้จัดการแทนซิสเตอร์ โฮโนริน บวร จำปารัตน์ เข้าดำรงตำแหน่งครูใหญ่แทน วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2529 ซิสเตอร์บวร จำปารัตน์ ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนพระกุมารร้อยเอ็ดซิสเตอร์อรนุช หอมจันทร์ เข้ารับตำแหน่งครูใหญ่แทน วันที่ 6 พฤษภาคม 2529 ซิสเตอร์โซลังย์ อักไข่ษร เจ้าของโรงเรียนได้ถึงแก่กรรม ซิสเตอร์บุญทัน อินทนงค์ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ลงนามแทน จนกระทั่นซิสเตอร์มารีย์ซาเวียทิพากร บุญประสม เข้ารับตำแหน่งเจ้าของโรงเรียนเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2530 วันที่ 31 สิงหาคม 2532 ซิสเตอร์บุญทัน อินทนงค์ ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการ ซิสเตอร์โฮโนรินบวร จำปารัตน์ รับตำแหน่งผู้จัดการ พ.ศ. 2536 ซิสเตอร์อรนุช หอมจันทร์ ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ซิสเตอร์โฮโนรินบวร จำปารัตน์ เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการและครูใหญ่ วันที่ 16 พฤษภาคม 2540 ซิสเตอร์โฮโนรินบวร จำปารัตน์ ไปศึกษาต่อต่างประเทศซิสเตอร์กัลยา หยาดทองคำได้รับตำแหน่งเป็นผู้จัดการและครูใหญ่ วันที่ 1 มิถุนายน 2551 ซิสเตอร์กัลยา หยาดทองคำ ไปศึกษาต่อต่างประเทศซิสเตอร์สังเวียน แสนสวัสดิ์ รับตำแหน่งครูใหญ่และซิสเตอร์บวร จำปารัตน์ รับตำแหน่งเป็นผู้จัดการ จนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่อดีตจนถึงบัดนี้ ถ้าจะนับกันตามการอนุญาตการจัดตั้งโรงเรียนก็นับได้ว่าโรงเรียนมีอายุครบ 60 ปีหากจะดูกันที่กำเนิดโรงเรียนจริง ๆ ก็นานกว่านั้น ตลอด 60 ปีที่ผ่านมาโรงเรียนอาเวมารีอาได้พัฒนาก้าวหน้ามาเป็นลำดับ ได้รับ ความไว้วางใจจากผู้ปกครองมาโดยตลอดทั้งนี้เพราะความร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างคณะผู้บริหาร คณะครูและผู้ปกครองนักเรียนตลอดจนการสนับสนุนจากชุมชนรอบโรงเรียน ได้สร้างเยาวชนของชาติให้เป็นผู้มีความรู้ความ สามารถ เพื่อเป็นกำลังสำคัญของชาติมาหลายรุ่น

วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

การคํานวณค่าไฟฟ้า

การคำนวณค่าไฟฟ้าและอุปกรณ์ก่อนไปคิดค่ไฟฟ้าแต่ละเดือนเรามาทำความเข้าการคิดค่าการใช้ไฟฟ้าเป็นหน่วบก่อนอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดจะมีการบอก ค่าต่างที่สำคัญก็คือ ...Watt [W] วัตต์ ...Amp [I]แอม์...vote [V]โวท์นเช่น คอมพิวเตอร์ให้ดูที่ตัว Power Supply 450 W 220 V สูตรทั้วไป P=V*I P= Watt V=vote I=ampตัวอย่างที่ 1 เตารีดไฟฟ้าอันหนึ่งใช้กำลังไฟฟ้า 1,100 วัตต์ เมื่อต่อเข้ากับความต่างศักย์ 220 โวลต์ จะมีกระแสไฟฟ้าผ่านเท่าไรวิธีทำ เตารีดไฟฟ้าใช้กำลังไฟฟ้า ( P ) = 1,100 วัตต์เตารีดไฟฟ้าต่อกับความต่างศักย์ ( V ) = 220 โวลต์จากสมการ P = VIดังนั้น 1,100 = 220 X II = 1.100/220I = 5 แอมแปร์ตอบ กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านเตารีดไฟฟ้า 5 แอมแปร์ เป็นตารางการใช้ไฟฟ้าของอุปกรณ์ภายในบ้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเตารีดไฟฟ้า 700 – 1,600 wattหม้อหุงข้าวไฟฟ้า 500 – 1,400 wattพัดลมตั้งพื้น 25 – 75 wattตู้เย็น 70 – 260 wattเครื่องปรับอากาศ 1,150 ขึ้นไป watt กาต้มน้ำไฟฟ้า 200 – 1,000 wattสูตรในการคำนวณการใช้ไฟฟ้าพลังงานไฟฟ้า ( หน่วย ) = กำลังไฟฟ้า ( กิโลวัตต์ ) X เวลา ( ชั่วโมง )1 กิโลวัตต์ = 1000 วัตต์ตัวอย่าง พัดลมตั้งพื้น 75 วัตต์ 4 ตัว ถ้าเปิดพร้อมกันจะใช้กำลังไฟฟ้ารวมกันกี่กิโลวัตต์ และถ้าเปิดอยู่นาน 5 ชั่วโมง จะสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ากี่หน่วยวิธีทำ พัดลมตั้งพื้น 75 วัตต์ 4 ตัว ใช้กำลังไฟฟ้ารวม = 75 X 4 วัตต์ = 300 วัตต์กำลังไฟฟ้า ( กิโลวัตต์ ) = 300/1,000 กิโลวัตต์นั่นคือ พัดลมตั้งพื้นทั้ง 4 ตัว ใช้กำลังไฟฟ้า 0.3 กิโลวัตต์พลังงานไฟฟ้า ( หน่วย ) = กำลังไฟฟ้า ( กิโลวัตต์ ) X เวลา ( ชั่วโมง )พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ = 0.3 กิโลวัตต์ X 5 ชั่วโมง = 1.5 หน่วยตอบ พัดลมตั้งพื้น 4 ตัวนี้เปิดนาน 5 ชั่วโมง สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า = 1.5 หน่วยการคิดคำนวณค่าไฟฟ้ารูปบิล ค่าไฟฟ้า[SIZE=5]การคำนวณค่าไฟฟ้าค่าไฟฟ้าที่ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องชำระในแต่ละเดือนประกอบด้วย* ค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Charge)* ค่าปรับปรุงต้นทุนการผลิตหรือค่า Ft (Energy Adjustment Charge)* และภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT ซึ่งสามารถเขียนให้อยู่ในรูปของสมการได้ดังนี้ค่าไฟฟ้าที่ต้องชำระ = ค่าพลังงานไฟฟ้า + ค่าปรับปรุงต้นทุนการผลิต + ภาษีมูลค่าเพิ่ม คิดค่าไฟฟ้าในอัตราก้าวหน้า หรือตามจำนวนการใช้ไฟฟ้า ถ้าใช้มากขึ้นหน่วยคิดจะสูงขึ้น5 หน่วยแรกหรือน้อยกว่า เป็นเงิน 5.00 บาท10 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 6 – 15) หน่วยละ 0.70 บาท10 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 16 – 25) หน่วยละ 0.90 บาท10 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 26 – 35) หน่วยละ 1.17 บาท65 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 36 –100) หน่วยละ 1.58 บาท50 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 101–150) หน่วยละ 1.68 บาท250 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 151–400) หน่วยละ 2.22 บาทเกินกว่า 400 หน่วย ( หน่วยที่ 401 เป็นต้นไป ) หน่วยละ 2.53 บาทอัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง ประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2534ค่าปรับปรุงต้นทุนการผลิตหรือค่า Ftค่าปรับปรุงต้นทุนการผลิต (Ft) = จำนวนหน่วยที่ใช้ X ค่าปรับปรุงต้นทุนการผลิตต่อหน่วยสำหรับค่าปรับปรุงต้นทุนการผลิตต่อหน่วยนี้จะเปลี่ยนแปลงตามสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งในปัจจุบันนี้เท่ากับ 64.52 สตางค์ต่อหน่วยภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VATภาษีมูลค่าเพิ่ม = ร้อยละ 7 ของผลรวมระหว่างค่าพลังงานไฟฟ้ากับค่าปรับปรุงต้นทุนการผลิตตัวอย่าง การคำนวณค่าไฟฟ้า บ้านหลังหนึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าในระยะเวลา 1 เดือน เท่ากับ 85 หน่วย จะต้องชำระค่า ไฟฟ้าเท่าไร ( คิดค่าพลังงานไฟฟ้าในอัตราก้าวหน้า )ค่าพลังงานไฟฟ้าในอัตราก้าวหน้า* 5 หน่วยแรกหรือน้อยกว่า เป็นเงิน 5.00 บาท* 10 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 6 – 15) หน่วยละ 0.70 บาท* 10 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 16 – 25) หน่วยละ 0.90 บาท* 10 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 26 – 35) หน่วยละ 1.17 บาท* 65 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 36 – 100) หน่วยละ 1.58 บาท* 50 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 101 – 150) หน่วยละ 1.68 บาท* 250 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 151 – 400) หน่วยละ 2.22 บาท* เกินกว่า 400 หน่วย ( หน่วยที่ 401 เป็นต้นไป ) หน่วยละ 2.53 บาท* ค่าปรับปรุงต้นทุนการผลิต (Ft) หน่วยละ 0.6452 บาท* ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7 %วิธีทำ คิดค่าพลังงานไฟฟ้าได้ดังนี้5 หน่วยแรก เป็นเงิน = 5.00 บาท10 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 6 – 15) เป็นเงิน 0.70 x 10 = 7.00 บาท10 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 16 – 25) เป็นเงิน 0.90 x 10 = 9.00 บาท10 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 26 – 35) เป็นเงิน 1.17 x 10 = 11.70 บาท50 หน่วยต่อไป ( หน่วยที่ 36 – 85) เป็นเงิน 1.58 x 50 = 79.00 บาทค่าพลังงานไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น = 5.00 + 7.00 + 9.00 + 11.70 + 79.00 = 111.70 บาทค่าปรับปรุงต้นทุนการผลิต (Ft) = จำนวนหน่วยที่ใช้ X ค่าปรับปรุงต้นทุนการผลิตต่อหน่วย= 85 X 0.6452= 54.84 บาทค่าพลังงานไฟฟ้า + ค่าปรับปรุงต้นทุนการผลิต = 111.70 + 54.84 = 166.54 บาทภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) = ( ค่าพลังงานไฟฟ้า + ค่าปรับปรุงต้นทุนการผลิต ) x 7/100ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) = ( 111.70 + 54.84 ) x 7/100 = 11.66 บาทตอบ บ้านหลังนี้ต้องชำระค่าไฟฟ้า = 111.70 + 54.84 + 11.66 = 178.20 บาทค่า FT ไม่สามารถคำรนวณได้ ขึ้นอยู่ค่าใช้จ่าย ยิ่งมีการสร้างหรือใช้วัตถุดิบมากก็ยิ่งทำให้ค่า FT สูงมากเลย มีการเพิ่มเสา เดินสายไฟฟ้า ก็มีผลกับค่า FTถ้าต้องการทราบค่า FT คืออะไร เป็นอะไรบางได้จาก Link ด้านล่างสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft)ปัตจัยที่มีผลกับค่า FT

ดวงจันทร์

ดวงจันทร์ ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก โคจรรอบโลกทุกๆ 27 วัน 8 ชั่งโมง และขณะเดียวกันก็หมุนรอบแกนตัวเองได้ครบหนึ่งรอบพอดีด้วย ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ด้านเดียว ไม่ว่าจะมองจากส่วนไหนของโลก ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง มนุษย์เพิ่งจะได้เห็นภาพ เมื่อสามารถส่งยานอวกาศไปในอวกาศได้ บนพื้นผิวดวงจันทร์ร้อนมากในบริเวณที่ถูกแสงอาทิตย์ และเย็นจัดในวริเวณเงามืด ที่พื้นผิวของดวงจันทร์มีปล่องหลุมมากมาย เป็นหมื่นๆหลุม ตั้งแต่หลุมเล็กไปจนถึงหลุมใหญ่มีภูเขาไฟและทะเลทรายแห้งแล้ง